This is default featured slide 1 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 2 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 3 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 4 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 5 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ตัวอย่างวิธีทำสมาธิ

ตัวอย่างวิธีทำสมาธิ
การทำสมาธิ หมายถึง การที่เราเพ่งจิตกำหนดรู้สภาวะใดสภาวะหนึ่งแล้วทำให้จิตใจมีความแน่วแน่
1.วิธีทำสมาธิแบบใช้คำบริกรรมสัมมาอะระหัง เป็นวิธีที่กำหนดจิตกับคำบริกรรมจนเกิดสมาธิ โดยเริ่มนั่งโดยเอาเท้าขวาทับเท้าซ้ายมือขวาทับมือซ้าย จุดหมุนมือนิ้วชี้ขวาจรดกับจุดหมุนมือนิ้วโป้งข้างซ้าย นั่งตัวตรง หลับตา วิธีนั่งนี้สามารถนั่งสมาธิได้ทุกกรณ๊ แล้วบริกรรมอยู่ในใจด้วยคำบริกรรมของตน จนจิตเกิดสมาธิ
2.วิธีทำสมาธิแบบอานาปานสติ
เป็นวิธีที่ใช้จิตกำหนดรู้ที่ลมหายใจเข้าออกของเราโดยที่หายใจเข้ารู้ หายใจออกรู้ ลมหายใจยาวรู้ ลมหายใจสั้นรู้ หรือแค่กำหนดรู้ว่าเข้าออก โดยกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกจาก 3 ฐานคือ
1ปลายจมูกหรือริมฝีปาก
2อก
3.เหนือสะดือสองนิ้ว(ศูนย์กลางกาย)
โดยที่เราจะกำหนดที่จุดเดียวหรือหลายจุดก็ได้แล้วแต่อุปนิสัยของแต่ละบุคคล โดยผู้ที่เริ่มปฏิบัตินั้นอาจจะกำหนดแค่ฐานเดียวก่อนพอเกิดวสี(ความชำนาญ)ในการทำสมาธินั้นสามารถกำหนดทั้งสามฐานได้
3. การทำสมาธิแบบยุบหนอพองหนอหรือกำหนดรู้อาการที่เรากระทำว่าหนอ
เป็นการทำสมาธิที่เรากำหนดจิตที่หน้าท้องตรงจุดสะดือโดยกำหนดรู้ว่าหน้าท้องพอง บริกรรมในใจว่าพองหนอ พอหน้าท้องยุบบริกรรมว่ายุบหนอ แต่บางท่านบริกรรมไม่ทันในคำว่าหนอนั้นก็สามารถบริกรรมแค่พอง และยุบก็ได้ อีกทั้งเรายังสามารถกำหนดรู้ในทุกอริยาบถได้ด้วยคำบริกรรมหนอตามหลังอริยบทที่เรากระทำอยู่ เช่น เดินหนอ นั่งหนอ นอนหนอ ได้ยินหนอ กินหนอ เป็นต้น
วิธีธรรมสมาธิแบบธรรมกาย
การทำสมาธิแบบธรรมกายนั้นต้องมีคำบริกรรมภาวนากับบริกรรมนิมิตบริการรมคู่กันไป
          บริกรรมนิมิต ให้กำหนดเครื่องหมายเข้า ดวงใสเหมือนกับเพชรลูกที่เจียระไน แล้ว ไม่มีขนแมว โตเท่าแก้วตา
บริกรรมภาวนา คือ การบริกรรมคำอยู่ในใจว่า สัมมาอะระหัง
การบริกรรมนิมิตและภาวนาของธรรมกายจะบริกรรมภาวนาก่อนว่า สัมมาอะระหังแล้วตรึก(นึก)ถึงดวงใสหรือการบริกรรมนิตรนั่นเอง
กลางกั๊กคือตรงกลางไม่ค่อนไปทางใดทางหนึ่งเปรียบดังหน้าทะลุหลังขวาทะลุซ้ายแล้วตรงกลางที่ตัดกันเรียกว่ากลางกั๊ก
กำหนดฐานทั้ง 7
ฐานที่1อยู่ที่รูช่องจมูก โดยผู้หญิงกำหนดนิมิตดวงใสประคองเข้าไปที่ช่องจมูกด้านซ้ายส่วนชายกำหนดเข้าทางด้านขวา แล้วบริกรรมนิมิตและภาวนาตรงฐาน3รอบแล้วเลื่อนไปอีกฐานหนึ่ง
ฐานที่2อยู่ที่เพลาตาที่มูลตาไหลออกมา หญิงเลื่อนนิมิตรเข้าช่องเพลาซ้ายส่วนชายนั้นเลื่อนเข้าทางขวาแล้วบริกรรมนิมิตรและภาวนา 3 สามรอบแล้วเลื่อนไปอีกฐานหนึ่ง
ฐานที่3อยู่กลางกั๊กศรีษะข้างในไม่ค่อนซ้ายหรือขวาแล้วบริกรรมนิมิตรและภาวนา 3 รอบแล้วเลื่อนไปอีกฐานหนึ่ง การเลื่อนนิมิตดวงใสไปฐานที่4นั้นมีลัทธิพิธีอยู่คือ ต้องกลับตาไปข้างหลัง ให้ตาค้างเหมือนคนชักจะตายแล้วเราหลับตาอยู่ช้อนขึ้นข้างบนเหลือกขึ้นข้างบนเหลือกไปๆจนค้างแน่นแล้วให้ความเห็นกลับไปข้างหลังแล้วค่อยๆให้เห็นกลับเข้าข้างในแล้วจึงเลื่อนนิมิตรดวงใสไปอีกฐานหนึ่ง
ฐานที่4อยู่ตรงที่ปากช่องเพดานที่เรารับประทานอาหารแล้วสำลัก เลื่อนนิมิตรเข้ามาแล้วบริกรรมนิมิตรและภาวนา3รอบแล้วเลื่อนไปอีกฐานหนึ่ง
ฐานที่5อยู่ที่ปากช่องคอเหนือลูกกระเดือกเหมือนกลางกั๊กปากถ้อยแก้ว โดยกำหนดนิมิตไปที่ฐานแล้วบริกรรมนิตรและภาวนาสามรอบแล้วจึงเลื่อนไปอีกฐานหนึ่ง
ฐานที่6อยู่ที่กลางตัว สะดือทะละหลังขวาทะลุซ้ายกลางกั๊กข้างใน แล้วบริกรรมนิมิตรและภาวนา3รอบแล้วเลื่อนไปอีกฐานหนึ่ง

ฐานที่7อยู่ที่ศูนย์กลางกลางพอดี โดยเลื่อนจากฐานที่6สูงขึ้นมา 2 นิ้วแล้วบริกรรมนิมิตรและภาวนา3รอบ นิ่งตรงจุดนี้จนกว่านิมิตจะเกิด เราสามารถใช้วิธีนี้ได้ทั้งนั่ง นอน 

วันอาทิตย์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

คนเลี้ยงแพะ


ขณะที่พาฝูงเเพะของตนไปหลบพายุในถ้ำ คนเลี้ยงเเพะก็พบ ฝูงเเพะป่าหลบอยู่ในถ้ำด้วยเช่นกัน“ฝูงเเพะป่านี้เป็นฝูงใหญ่ มีเเพะมากกว่าฝูงเเพะของเราหลาย เท่านัก เราน่าจะเอาเเพะป่าฝูงใหญ่ไปเลี้ยงเเทนฝูงเดิมดีกว่า”เมื่อคนเลี้ยงเเพะคิดได้ดังนั้นเเล้วก็นำเอาใบไม้ที่เตรียมมาไว้ให้ ฝูงเเพะเดิม ของตนไปให้ฝูงเเพะป่ากินจนหมดครั้นเมื่อพายุสงบลง ฝูงเเพะป่าก็วิ่งออกจากถ้ำเข้าป่าไป ฝูงเเพะเดิมของตนไปให้ฝูงเเพะป่ากินจนหมดครั้นเมื่อพายุสงบลง ฝูงเเพะป่าก็วิ่งออกจากถ้ำเข้าป่าไป ฝูงเเพะเดิมก็ตายกันหมดเพราะอดอาหารคนเลี้ยงเเพะจึงได้เเต่นั่งร้องไห้ให้เพื่อนบ้านหัวเราะเยาะต่อไป
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เห็นเเก่มิตรใหม่จนทอดทิ้งมิตรเก่า ก็จะไม่ได้ใครเลย

อ้างอิง www.whitemedia.org



คนขี้เหนียวกับทองคำ


ชายคนหนึ่งเป็นคนขี้เหนียว เขามักจะเอาสมบัติฝังดิน ไว้รอบๆ บ้านไม่ยอมนำมาใช้จ่ายให้เกิดประโยชน์ต่อ มาเขากลัวว่าจะไม่ปลอดภัยถ้าฝังเงินทอง ไว้หลาย เเห่ง เขาจึงขายสมบัติทั้งหมดเเล้วซื้อทองคำเเท่งหนึ่ง มาฝังไว้ที่หลังบ้าน เเล้วหมั่นไปดูทุกวันคนใช้ผู้หนึ่งสงสัยจึงเเอบตามไปดูที่หลังบ้าน เเล้วก็ขุด เอาทองเเท่งไปเสียชายขี้เหนียวมาพบหลุมที่ว่างเปล่าในวันต่อมาก็เสียใจ ร้องห่มร้องไห้ไปบอกเพื่อนบ้านคนหนึ่งเพื่อนบ้านจึงเเนะนำประชดประชันว่า“ท่านก็เอาก้อนอิฐใส่ในหลุมเเล้วคิดว่าเป็นทองคำสิ เพราะถึงอย่างไรท่านก็ไม่เอาเอามาใช้อยู่เเล้ว”
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ของมีค่า ถ้าไม่นำมาทำให้เกิดประโยชน์ก็ย่อมเป็นของไร้ค่า
อ้างอิง www.whitemedia.org


แมวเป็นเพื่อนกับเสือ

ณ.หมู่บ้านใกล้ชายป่าแห่งนี้ มีครอบครัวที่เจ้าของเลี้ยงแมวที่มีลักษณะนิสัยขี้อ้อน ชอบส่งเสียงเวลาเจ้าของกลับมาถึงบ้าน แต่แล้วเจ้าแมวตัวนี้เกิดซนวิ่งออกนอกบ้าน พลัดหลงเข้าไปในป่าใหญ่ หาทางกลับมาที่บ้านไม่เจอ
แมวตัวนี้ก็เดินทางไปเรื่อยๆ หวังว่าจะพบทางออก มิได้ประสบกับอันตรายใดๆเลย อีกทั้งยังได้พบเข้ากับเสือผู้ใจดี 
"อ้าว... เจ้าเหมียว เจ้าเข้ามาทำอะไรที่นี่ มันอันตรายนะ แต่หากเจ้าไม่มีที่ไปจริงๆแล้วล่ะก็ เจ้าก็มาอยู่กับข้าทีนี่ก็ได้นะ" แม่เสือเอ่ยปากถามเจ้าแมวเหมียว 
 แมวเหมียวขี้อ้อนเมื่อหมดหนทางไป จึงตัดสินใจอาศัยอยู่กับแม่เสือ เติบโตมาพร้อมกับลูกเสือ เป็นทั้งเพื่อนเล่น และ เพื่อนที่คอยล่าสัตว์ด้วยเสมอ 
เมื่อเวลาผ่านไป .. จากเจ้าแมวที่เคยขี้อ้อน ได้กลับกลายเป็นแมวป่าที่แสนจะดุร้ายเลยทีเดียว 

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า คนเราแปรเปลี่ยนไปได้ตามสภาพแวดล้อมและวิธีการเลี้ยงดู

 อ้างอิง http://fable.kippo.com


กำเนิดทะเลทาย

โลกทุกวันนี้ที่เราอาศัยอยู่กันนั้น เมื่อครั้งอดีตกาลนานมาแล้ว เชื่อกันว่ามีพระผู้เป็นเจ้าสร้างโลกใบนี้ไว้อย่างสวยงาม มีต้นไม้เขียวชอุ่ม สัตว์น้อยใหญ่อยู่อย่างสงบสุข ไม่มีดินแดนใดที่เป็นทะเลทรายที่แสนแห้งแล้งเลย
แต่แล้วพระเจ้าผู้สร้างโลก ก็จะได้สร้างคำสาปเพื่อหวังให้มนุษย์เคารพในกฏกติกา ว่า
"ทุกครั้งที่พวกเจ้าทำผิดศีลธรรม ทรายก็จะตกจากฟากฟ้าลงมาบนพื้นโลกหนึ่งเม็ด" 
เหล่ามนุษย์ทั้งหลาย ต่างพากันหัวเราะเยาะกับคำสาปนี้ว่า 
"เพียงทรายเม็ดเดียว จะเป็นอะไรนักหนาเล่า" 
เขาเหล่านั้นไม่เกรงกลัวต่อสิ่งที่เขาจะต้องเผชิญในอนาคต
เมื่อนานวันผ่านไป โลกที่เคยแสนสวยงามของมนุษย์ทั้งหลาย เริ่มเปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากเม็ดทรายที่หล่นจากฟากฟ้านั้น ก่อให้เกิดความแห้งแล้งของทะเลทราย เพราะความผิดของมนุษย์ที่กระทำได้ไม่เว้นวัน ทรายที่ตกลงมาจึงมีจำนวนมหาศาล กลายเป็นทะเลทรายที่แห้งแล้งในที่สุด

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
การกระทำผิดเล็กๆน้อยๆ เมื่อทำบ่อยครั้งก็จะก่อเกิดเป็นภัยอันใหญ่หลวงภายหลังได้

 อ้างอิง http://fable.kippo.com


ชาวนากับเทพพระเจ้าโชคดี

ชาวนาคนหนึ่งทำนามาเนิ่นนาน แต่ก็ยังมีฐานะยากจนเหมือนเคย ในแต่ละวันเขาได้บูชาศาลเทพเจ้าแห่งหนึ่งเป็นประจำ เพื่อหวังว่า เทพเจ้าจะช่วยทำให้เขาร่ำรวยมากขึ้น
วันหนึ่งที่ชาวนากำลังดำนาอยู่
"ข้ารวยแล้ว ข้ากำลังจะรวยแล้ว" ชาวนาตะโกนออกมาสุดเสียง เมื่อเขาพบเจอหีบสมบัติโบราณที่ฝังอยู่อย่างบังเอิญ
"ขอบคุณท่านมาก ที่มอบสมบัติอันมหาศาลมาให้ข้า" ชาวนายกมือไหว้ พร้อมทั้งนำของมาบูชาศาลเทพเจ้าที่นับถือเหมือนเช่นเคย
"ทำไม !!! ทำไมกันนะ เจ้าถึงไม่ขอบคุณข้าล่ะ เพราะจริงๆแล้ว ข้าต่างหากที่เป็นคนมอบของนี้ให้กับเจ้า มิใช่ศาลเทพเจ้า ที่เจ้ากำลังขอบคุณอยู่" เทพเจ้าแห่งความโชคดีส่งเสียงพูดกับชาวนา


นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
คนเราเมื่อศรัทธาหรือเชื่ออะไรแล้ว มักจะเชื่อว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เราเกิดความโชคดี ทั้งที่จริงแล้ว อาจจะเป็นสิ่งอื่นก็ได้

 อ้างอิง http://fable.kippo.com


หนูกับกบตัวแสบ

หนูตัวหนึ่งมีสหายรักเป็นเจ้ากบ วันหนึ่งเพื่อนกบได้มาเอ่ยปากชวนหนูไปเที่ยว
"นี่เจ้าหนู .. พรุ่งนี้ข้าเห็นว่าเจ้าว่าง สนใจไปเที่ยวกับข้าไหม"
"ไปไหนล่ะ" เจ้าหนูถาม
"เดี๋ยวก็รู้ บอกไปก่อนก็ไม่ตื่นเต้นน่ะสิ" เจ้ากบตอบ
"นี่ไง ข้าพาเจ้ามาเที่ยวบ้านที่ข้าอยู่" เจ้ากบหมายถึงบ่อน้ำแห่งหนึ่ง ที่อยู่ไม่ไกล จากบ้านของเจ้าหนู 
จากนั้นเจ้ากบก็ได้ชวนหนูลงไปเล่นน้ำในบ่อด้วยกันอีกด้วย
"ไม่ไหวหรอก ข้าว่ายน้ำไม่เป็น" เจ้าหนูบอกกบเพื่อนรัก
"ไม่เป็นอันตรายอะไรหรอก มีข้าอยู่ ไม่ยอมปล่อยให้เจ้าเป็นอะไรแน่นอน"  เจ้ากบตอบ
เจ้า หนูไว้ใจกบจึงลงไปเล่นน้ำอย่างสบายใจ โดยเกาะหลังเจ้ากบเล่นอยู่ในสระ แต่แล้ว เจ้ากบก็คิดสนุก อยากหักหลังเพื่อนหนูขึ้นมา จึงทำทีดึงเจ้าหนูจมลงไปในน้ำ จนสุดท้ายเจ้าหนูเพื่อนของมันก็ตาย ตกเป็นอาหารของเจ้ากบจอมแสบ


นิทานเรื่องนี้สอนใจรู้ว่า
ควรรู้จักประมาณตนก่อนที่จะทำอะไรลงไป 

อ้างอิง http://fable.kippo.com